สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทอ่อนค่าตามราคาทองคำในตลาดโลก ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาบางส่วนตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณอ่อนแอ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าตามการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกและสัญญาณขายสุทธิของต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นรับข่าวสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และจากคำกล่าวของรมว. คลัง สหรัฐฯ ที่ระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการทำให้การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ เป็นประเด็นในการหารือเพื่อเจรจาการค้า เงินบาทฟื้นตัวกลับมาช่วงปลายสัปดาห์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณอ่อนแอกดดันเงินดอลลาร์ฯ ให้อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี กรอบการฟื้นตัวของเงินบาทเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังมีแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 19-23 พ.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.80-33.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของไทย สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าสำคัญ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลียและธนาคารกลางอินโดนีเซีย รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยหลุดแนว 1,200 จุด แม้ช่วงต้นสัปดาห์จะมีแรงหนุนจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ขานรับข่าวสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการตกลงปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันในอัตราที่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้าและกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี หลังจากตอบรับประเด็นบวกดังกล่าวไปพอสมควร ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงในเวลาต่อมา โดยเผชิญแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์ หุ้นกลุ่มพลังงานที่มีปัจจัยลบเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง และหุ้นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานซึ่งผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับน่าจะมีแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดที่ไม่ได้ย้ายไปลงทุนในกองทุน Thai ESGX เข้ามากดดันเพิ่มเติม ดัชนีหุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบช่วงท้ายสัปดาห์ แม้มีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวที่ว่ารมว.พาณิชย์ไทยได้พบปะหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แต่นักลงทุนมีความระมัดระวังระหว่างรอติดตามตัวเลขจีดีพีไทยที่จะประกาศในวันที่ 19 พ.ค. นี้
- สัปดาห์ที่ 19-23 พ.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,185 และ 1,165 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของไทย ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PMI เดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น