สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงกลางสัปดาห์ ตามทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย นำโดย เงินเยนซึ่งแข็งค่าขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทางการญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดไม่ให้เงินเยนอ่อนค่าเร็ว นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ยังคงอ่อนแอลงท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่ากว่าแนว 36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้ง ตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากที่ตลาดปรับตัวตอบรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปมากแล้ว ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ในช่วงปลายสัปดาห์
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-26 ก.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 36.00-36.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค ประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐฯ
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มแบงก์จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาของบริษัทในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคแห่งหนึ่งซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของหุ้นไทยในช่วงต้นสัปดาห์ยังสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของจีนออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงสั้นๆในเวลาต่อมาโดยมีแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาหนุน อย่างไรก็ดี หุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 และกลุ่มโรงไฟฟ้าจากความกังวลเรื่องการตรึงค่าไฟของภาครัฐ ประกอบกับนักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนระหว่างรอติดตามประเด็นการเมืองในประเทศและการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นสวนทางภาพรวมจากประเด็นข่าวการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมและบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน
- สัปดาห์ที่ 22-26 ก.ค. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,310 และ 1,300 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนมิ.ย. ของไทย ประเด็นการเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนก.ค.ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น