Display mode (Doesn't show in master page preview)

19 กันยายน 2568

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 15-19 ก.ย. 68)

คะแนนเฉลี่ย
สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท 
  • เงินบาทอ่อนค่าตามแรงขายหลังมีข่าวเกี่ยวกับมาตรการดูแลค่าเงิน ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ได้แรงหนุนให้ฟื้นตัวกลับมา หลังเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ยและยังห่วงเงินเฟ้อ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายหลังมีรายงานข่าวระบุว่า ทางการอาจพิจารณามาตรการลดผลกระทบจากธุรกรรมทองคำที่มีต่อเงินบาท แต่กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังคงขาดแรงหนุนที่ชัดเจนในช่วงก่อนการประชุมเฟดกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียและแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังการประชุมเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดยังระมัดระวังในการประเมินจังหวะการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้ออาจขยับสูงขึ้นในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน อนึ่ง ธปท. ระบุว่า ยังไม่เห็นสัญญาณผิดปกติที่สะท้อนการเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้เข้าดูแลเพื่อลดความผันผวนของค่าเงินไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วและแรงเกินไป 
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.50-32.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค. ของไทย ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ราคาทองคำในตลาดโลก ดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ อังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีนด้วยเช่นกัน 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย 
  • ดัชนีหุ้นไทยแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ โดยยังคงมีแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากรายงานข่าวเรื่องการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และจีนเกี่ยวกับแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นของบริษัทจีน (ซึ่งช่วยคลายกังวลต่อประเด็นตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลงบางส่วน) และการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดช่วงกลางสัปดาห์ ทั้งนี้ปัจจัยบวกดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มเทคโนโลยี ไฟแนนซ์และค้าปลีก และหนุนให้ SET Index ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 1,312.74 จุด ในระหว่างสัปดาห์ อย่างไรก็ดีหลังจากตอบรับปัจจัยบวกข้างต้นไปพอสมควร SET Index กลับมาแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวลงหลุดแนว 1,300 จุด ในช่วงท้ายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังทราบผลการประชุมเฟด ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับเฟดส่งสัญญาณระมัดระวังในการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า 
  • สัปดาห์ที่ 22-26 ก.ย. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,275 และ 1,250 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น