สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทแข็งค่าทะลุแนว 33.00 และ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือนที่ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. 2565) โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นตามภาพรวมของสกุลเงินในเอเชีย นำโดย เงินหยวนที่ได้รับอานิสงส์จากความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกที่ไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ สวนทาง Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังอ่อนแอต่อเนื่องท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะข้างหน้า (โดยตลาดประเมินว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มากกว่า 25 basis points ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป) อนึ่ง ในสัปดาห์นี้ ธปท. มีการส่งสัญญาณติดตามดูแลสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด หลังเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะนี้
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. – 4 ต.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.10-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนส.ค. ของธปท. ถ้อยแถลงของประธานเฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ตัวเลขดัชนี PMI เดือนก.ย. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/67 ของอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนระหว่างสัปดาห์ แต่ปิดใกล้เคียงระดับปิดสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า และไฟแนนซ์ ระหว่างรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้าง ดัชนีหุ้นไทยกลับมาย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะการลงทุนของต่างชาติที่กลับมาขายสุทธิหุ้นไทย ประกอบกับมีปัจจัยลบจากการที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดประมาณการจีดีพีไทยทั้งปีนี้และปีหน้าลง 0.3% ไปที่ระดับ 2.3% และ 2.7% ตามลำดับ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มแบงก์ รวมถึงกลุ่มวัสดุก่อสร้างและปิโตรเคมีที่ดีดตัวขึ้นไปสูงก่อนหน้านี้ อนึ่ง หุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์สวนทางภาพรวมของตลาดหุ้นภูมิภาค
- สัปดาห์ที่ 30 ก.ย. – 4 ต.ค. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,440 และ 1,420 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,460 และ 1,475 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่น ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของยูโรโซน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น