Display mode (Doesn't show in master page preview)

30 พฤษภาคม 2568

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 26-30 พ.ค. 68)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง หลังแตะระดับแข็งค่าสุดรอบกว่า 7 เดือนครึ่งช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือนครึ่งที่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะล้างช่วงบวกทั้งหมดและกลับมาอ่อนค่าลงตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลกและการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยนซึ่งมีแรงกดดันจากการร่วงลงของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป (ปธน. ทรัมป์ เลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัว เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพ.ค. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด เงินบาทฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ กลางสัปดาห์ แต่กลับไปอ่อนค่าต่อเนื่องจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์สอดคล้องกับแรงขายของต่างชาติในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นรับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของ ปธน. ทรัมป์ เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต (แม้ต่อมาภายหลังศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว)   
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์สงครามการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และจีน ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ยูโรโซน


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ดัชนีหุ้นไทยปิดลบต่อเป็นสัปดาห์ที่สามจากความกังวลต่อประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้น ๆ ในช่วงแรกก่อนจะร่วงลงแรงจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หลังปธน. ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้า 50% จาก EU เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างกันไม่มีความคืบหน้า (แม้ภายหลังจะมีการประกาศเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวออกไปเป็น 9 ก.ค. จากเดิม 1 มิ.ย.) ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจนซึ่งยิ่งกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ประกอบกับเผชิญแรงขายหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นแบงก์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากประเด็นการตัดขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ระหว่างสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ขานรับรายงานข่าวที่ว่าศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากใช้อำนาจเกินขอบเขต อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้สั่งระงับคำตัดสินดังกล่าว ส่งผลให้มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อ โดยประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 30 พ.ค. และแรงขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ
  • สัปดาห์ที่ 4-6 มิ.ย. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,160 และ 1,180 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PMI เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและจีน ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนการประชุม ECB

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น