สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
-
เงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบ แต่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางเงินหยวนซึ่งมีปัจจัยลบจากข้อมูล PMI ภาคการผลิตของจีนที่ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนม.ค. ประกอบกับมีการเปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเก็บ Universal Tariffs จากประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ เริ่มต้นที่อัตรา 2.5% และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกเดือน อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยฟื้นตัวแข็งค่ากลับมา ขณะที่ แรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ เริ่มชะลอลง หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดสะท้อนมุมมองของเฟดที่ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มชะลอตัว แม้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณไม่รีบร้อนที่จะปรับลดดอกเบี้ย หลังการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบ 4.25-4.50% ในการประชุม 28-29 ม.ค. ที่ผ่านมาก็ตาม เงินบาทรักษาช่วงบวกไว้ได้จนถึงช่วงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับจังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์/สกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ
-
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 3-7 ก.พ. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุม BOE สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของไทย ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของยูโรโซน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
-
ตลาดหุ้นไทยปิดลบเป็นสัปดาห์ที่สอง เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุนตลาด ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงเกือบตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหลักๆ จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยในช่วงแรกเผชิญแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวโมเดล AI ของบริษัทจีนซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่า รวมถึงแรงขายหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่และหุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยาน ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงซื้อของต่างชาติก่อนจะร่วงลงตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ประกอบกับผลการประชุมเฟดเป็นไปตามตลาดคาด โดยเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมพร้อมส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงลึกต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์สวนทางภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งที่ระดับ 1,310.72 จุด จากแรงขายหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่ง หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อซื้อกิจการคืน อนึ่งสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นสวนทางภาพรวม โดยมีปัจจัยบวกจากการประกาศแผนซื้อคืนหุ้นของแบงก์แห่งหนึ่งในกลุ่ม D-SIBs รวมถึงแรงซื้อเพื่อหวังเงินปันผล
-
สัปดาห์ที่ 3-7 ก.พ. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,300 และ 1,275 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,330 และ 1,345 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. 2568 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ของบจ.ไทย นโยบายของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ การประชุม BOE ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น