Display mode (Doesn't show in master page preview)

25 ธันวาคม 2567

Econ Digest

สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) มาตรการระหว่างประเทศกระทบภาคธุรกิจไทย ไทยเตรียมหาข้อสรุปภายในปี 2025

คะแนนเฉลี่ย

สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) เตรียมหาข้อสรุป ภายในปี 2025

        ภายหลังจากการประชุม 5th Intergovernmental Negotiation Committee (INC-5) ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2024 กำหนดจะร่างสนธิสัญญาพลาสติกโลกเพื่อออกเป็นมาตรการระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (legally binding) ภายในปี 2025

        โดยประเด็นที่จะตกลงกันมี 3 ประเด็น ได้แก่ (1) ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้สารเคมีอันตราย (2) ปริมาณการผลิต Primary Plastic Polymers  และ (3) กลไกทางการเงิน เพื่อเป้าหมายในการลดปริมาณขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อมบนบก และในทะเลทั่วโลก

        ทั้งนี้ หลายประเทศเสนอให้ลดปริมาณการผลิต Primary Plastic เป็นช่องทางสำคัญการในลดขยะพลาสติก ที่ปัจจุบันมีการผลิตราว 430 ล้านตันต่อปี โดยเฉพาะพลาสติกที่มีส่วนผสมที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Polyvinyl chloride (PVC), Polystyrene (PS) รวมถึงพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อลดปริมาณขยะในทั้งวัฎจักร ที่คาดการณ์ว่าจะปนเปื้อนลงสู่ทะเล 14 ล้านตันต่อปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า 35% ของปริมาณการผลิตพลาสติกของไทยอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นกลุ่มได้ถูกเพ่งเล็งในสนธิสัญญาพลาสติกโลก
        อย่างไรก็ดี การกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกมีผลกระทบต่อธุรกิจในหลายด้านทั้งทางบวกและทางลบ สรุปได้ ดังนี้

  • ต้นทุนการผลิต: การเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจช่วยลดต้นทุนจากการจัดการขยะและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
  • ความรับผิดชอบจะอยู่ที่ผู้ผลิต: ธุรกิจต้องขยายความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของตนให้ครบทั้งวงจรชีวิต (Extended Producer Responsibility: EPR) ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการขยะ ซึ่งอาจต้องลงทุนในระบบการรีไซเคิลและการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ
  • การปรับตัวของอุตสาหกรรมอื่น: ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการใช้พลาสติกต้องปรับตัวเพื่อลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและเพิ่มการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้
  • โอกาสทางธุรกิจใหม่: นโยบายเหล่านี้เปิดโอกาสให้ธุรกิจพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การผลิตวัสดุทดแทนพลาสติก การพัฒนาระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ภาพลักษณ์และความยั่งยืน: การปฏิบัติตามนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest

ESG