จีนกับสหรัฐฯทำสงครามการค้ารอบใหม่ตอบโต้กันด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า โดยรถยนต์เป็นสินค้าหนึ่งที่จีนประกาศจะปรับขึ้นภาษีร้อยละ 25 กับสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของสหรัฐฯไปจีน แต่ในอีกทางหนึ่งกลับส่งผลดีต่อไทย ทำให้ค่ายรถหรู เช่น BMW และ Mercedes Benz ที่มีฐานการผลิตหลักสำหรับบางรุ่นในสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะมาผลิตและส่งออกจากไทยไปจีนเร็วขึ้น
ยมองว่า ค่ายรถหรูมีโอกาสโยกการผลิตรถยนต์บางส่วนออกจากสหรัฐฯมายังไทยเพื่อให้ส่งออกไปจีนแทน ซึ่งคาดว่าขั้นต่ำน่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันถึงมากกว่า 15,000 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 844 ล้านดอลลาร์ฯ ทำให้การส่งออกรถยนต์นั่งจากไทยไปจีนสูงกว่าระดับในปี 2561 ที่ 226 ล้านดอลลาร์ฯ ถึงกว่าร้อยละ 373 ดันให้จีนกลายมาเป็นตลาดส่งออกรถยนต์นั่งอันดับ 2 ของไทยในทันที จา
กปัจจุบันที่อยู่ในอันดับที่ 9
อย่างไรก็ตาม แม้มูลค่าการส่งออกรถยนต์นั่งที่เพิ่มขึ้นไปยังจีนของไทยดังกล่าวจะคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อยละ 2 แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ไทยยังมีโอกาสอีกมากที่จะขยับขึ้นมามีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้ในอนาคต หากค่ายรถยนต์หรูดังกล่าวตัดสินใจดึงกำลังการผลิตจากสหรัฐฯมายังไทยมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆในระยะยาว รวมถึงได้ประโยชน์จากการให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปตลาดอื่นในภูมิภาคด้วยอีกทาง
สำหรับการส่งออกรถยนต์โดยรวมของไทยในปี 2562 นี้ แม้ว่าไทยจะมีโอกาสส่งออกไปตลาดจีนได้เพิ่มมากขึ้นในปีนี้จากปัจจัยบวกดังกล่าว แต่ก็ไม่อาจทำให้ภาพรวมทั้งปีนี้ของการส่งออกที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ขยับปรับขึ้นมาขยายตัวเป็นบวกได้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงมุมมองต่อภาพการส่งออกรถยนต์รวมของไทยทั้งปี 2562 ที่หดตัวร้อยละ 2.7 เช่นเดิม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น