ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 รถยนต์และชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นที่ส่งออกไปสหภาพยุโรปจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีที่ทยอยลดลงจากข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน (EPA) ซึ่งคาดว่าสหภาพยุโรปจะไม่ได้ประโยชน์เท่าใดนักในหมวดสินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนนี้ ในทางตรงข้ามศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าจะยิ่งส่งผลให้สหภาพยุโรปมีแนวโน้มจะนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นมากขึ้นตามลำดับ และทำให้ความจำเป็นในการเข้าไปลงทุนผลิตรถยนต์ในสหภาพยุโรปของค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณี Brexit ลดลงตามไปด้วย ตรงกันข้ามกลับมีการเพิ่มการลงทุนมากขึ้นในญี่ปุ่น และประเทศฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหภาพยุโรปใหม่ เช่น ตุรกี เป็นต้น ซึ่งการลงทุนในระยะถัดไปของค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเพื่อตลาดสหภาพยุโรปนี้จะเน้นไปยังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น หลังสหภาพยุโรปออกมาตรการกีดกันรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลซึ่งสร้างปัญหาด้านมลพิษทางอากาศค่อนข้างมาก
สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นอีกหนึ่งฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนเพื่อส่งออกไปยังสหภาพยุโรป แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีใดๆจากสหภาพยุโรปนั้น แม้ว่าดูโดยภาพรวมไทยจะได้รับผลกระทบเชิงลบ แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ไทยกลับมีโอกาสดีในการส่งออกรถยนต์บางประเภท เช่น อีโคไฮบริด และชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นมากขึ้น โดยข้อตกลง EPA ระหว่างญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปทำให้ค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นตัดสินใจเร่งการลงทุนมายังไทยในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในช่วง 1 ถึง 2 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการด้านฐานการผลิตและทำตลาดของค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเพื่อให้เกิด Economies of scale รวมถึงเพื่อการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากบีโอไอของไทยอีกด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น