ราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ทะยานสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างของเดือนกรกฎาคม 2551 โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
- ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2551 สูงขึ้นมาที่ 177.0 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จาก 175.3ในเดือนก่อน และถ้าเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31.1 เร่งขึ้นจากร้อยละ 29.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยสาเหตุสำคัญเป็นผลมาจากราคาผลิตภัณฑ์เหล็กทะยานสูงขึ้นร้อยละ 75.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกัน วัสดุก่อสร้างหลักอื่นๆ ก็มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น
- อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ราคาวัสดุก่อสร้างในระยะที่เหลือของปีมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย โดยเป็นผลจากราคาน้ำมันภายในประเทศ ซึ่งเป็นต้นทุนในการขนส่งวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลงอย่างมาก ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง ขณะที่ราคาวัตถุดิบในตลาดโลก โดยเฉพาะวัตถุดิบเหล็ก มีโอกาสที่จะชะลอความร้อนแรงลง ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉลี่ยตลอดทั้งปีจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25 สูงขึ้นอย่างมากจากปี 2550 ที่เพิ่มขึ้นในอัตราเพียงร้อยละ 4.9 และคาดว่าจะเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับในยุควิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน ครั้งที่ 1 ในช่วงปี 2516-2517
- การที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 1 ปี ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อโครงการก่อสร้างในด้านต่างๆ เนื่องจากต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งนั้น คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงประมาณร้อยละ 60 ของมูลค่าโครงการก่อสร้างโดยเฉลี่ย นอกจากนี้ ต้นทุนค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และต้นทุนแรงงาน ก็ปรับเพิ่มขึ้น ปัจจัยลบดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อต้นทุนของโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ หรือ เมกะโปรเจคต์ ด้วยเช่นกัน อุปสรรคต่อความคืบหน้าของโครงการต่างๆ เหล่านี้ จะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของการลงทุนโดยรวมของประเทศที่อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจลดทอนตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น