ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2553 นี้ ตลาดธุรกิจบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อทางคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้มีการประกาศว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมายในวันดังกล่าว
จากผลสำรวจของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า มีผู้สนใจจะย้ายเครือข่ายแม้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอยู่ร้อยละ 48.5 โดยประเมินว่าผู้ที่สนใจจะย้ายเครือข่ายที่ระดับค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบันที่ 99 บาท มีอยู่ประมาณร้อยละ 10
นอกเหนือจากปัจจัยด้านค่าธรรมเนียมแล้ว ผู้บริโภคยังพิจารณาปัจจัยด้านอื่นๆประกอบในการเลือกผู้ให้บริการที่ตรงกับความต้องการของตนมากที่สุด เช่น คุณภาพและความครอบคลุมของสัญญาณ โปรโมชั่นต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากสภาพการแข่งขันของตลาดในปัจจุบัน คาดว่า การใช้บริการคงสิทธิเลขหมายในช่วงแรกอาจจะยังคงไม่สูงมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปอาจมีแนวโน้มการใช้บริการที่มากขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ผู้ให้บริการมีการงัดกลยุทธ์ด้านการตลาดต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาบริการเสริม เพื่อดึงดูดผู้ใช้บริการจากค่ายอื่นให้มาใช้บริการของค่ายตนมากยิ่งขึ้น และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ ในขณะที่การเปิดให้บริการ 3G และบริการเสริมอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับระบบ 3G จะเป็นตัวแปรสำคัญอีกประการหนึ่งในการจูงใจลูกค้าให้หันมาใช้บริการของผู้ให้บริการที่สามารถเปิดให้บริการ 3G ได้ก่อน
ในการเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมายนั้น ยังคงมีข้อจำกัดบางประการที่อาจเป็นแรงกดดันการใช้บริการของผู้บริโภค ได้แก่ ประเด็นในส่วนของเงินที่เหลืออยู่ในระบบเติมเงิน ผู้ที่เปลี่ยนค่ายมาต้องใช้บริการอย่างน้อย 3 เดือนในค่ายใหม่ และในช่วงแรกเนื่องจากยังเป็นช่วงทดลองเปิดให้บริการ จึงมีการกำหนดให้บริการคงสิทธิเลขหมายเพียงค่ายละ 100 เลขหมายต่อวัน และครอบคลุมเฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะขยายผลครอบคลุมทั่วประเทศในเดือนมกราคม 2554
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น