เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรก และราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 5,000,000 บาท โดยผู้ที่ซื้อสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อที่อยู่อาศัยมาคำนวณเพื่อหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของราคาบ้าน โดยหักลดหย่อนเท่าๆ กัน เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยมาตรการดังกล่าวนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และจะมีผลการหักลดหย่อนภาษีนับตั้งแต่ปี 2556
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่า ความชัดเจนจากมาตรการดังกล่าวนี้น่าจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีนี้ กลับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากนี้การเพิ่มเพดานราคาที่อยู่อาศัยเป็น 5,000,000 บาทนั้น ช่วยขยายฐานลูกค้าสู่ระดับกลาง-บน ก็น่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่มีความพร้อมทางด้านการเงินตัดสินในการซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวนี้ เป็นมาตรการหักลดหย่อนภาษี ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จะเป็นผู้ที่เสียภาษีบุคคลธรรมดา และมีรายได้เมื่อหักลดหย่อนตามมาตรฐานที่กำหนดที่สูงกว่า 150,000 บาทต่อปี มาตรการดังกล่าวนี้ มุ่งกระตุ้นกำลังซื้อของผู้มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการหลายด้านเพื่อผู้มีรายได้น้อยไปบ้างแล้ว อาทิ มาตรการเพิ่มรายได้ เป็นต้น
สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่น่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้น่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและพร้อมขายอยู่ในปัจจุบัน หรือผู้ประกอบการที่มีแผนที่จะสร้างเสร็จในปี 2555 ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบการคงจะเร่งดำเนินกลยุทธ์การตลาดให้มีความน่าสนใจมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 นี้ เนื่องจากในวันที่ 1 มกราคม 2555 ที่จะถึงนี้ จะมีปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ชะลอลงในระยะสั้น อาทิ มาตรการกำหนดวงเงินสินเชื่อ (LTV) จะมีผลบังคับใช้ในกลุ่มโครงการบ้านแนวราบ ขณะเดียวกันก็มีการใช้ราคาประเมินที่ดินฉบับ พ.ศ. 2555-2558 ซึ่งราคาที่ดินประเมินรอบใหม่นี้ได้ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ 15-30 ของราคาประเมินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลต่อภาระรายจ่ายในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกัน ธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ปกติจะเติบโตตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ นั้น คาดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ การแข่งขันทางธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงจะมีความเข้มข้นเช่นกัน
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มาตรการบ้านหลังแรกจะมีส่วนกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 แต่โดยรวมทั้งปีแล้วคาดว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งปี 2554 ก็น่าจะยังคงหดตัวลงร้อยละ 9.4-12.7 เนื่องจากภาวะชะลอตัวของ 3 ไตรมาสแรกของปี 2554 และมาตรการดังกล่าว ยังจำกัดกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มผู้อยู่ในฐานภาษี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ที่ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดาภ.ง.ด. 90 และ 91 ประมาณเกือบ 10 ล้านคน แต่มีผู้ที่ยื่นแบบและเสียภาษีประมาณ 2.1 ล้านคน ขณะเดียวกัน มาตรการดังกล่าวยังไม่รวมถึงบ้านมือสอง และบ้านปลูกสร้างเอง ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดนิยมปลูกสร้างบ้านเองจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ อีกทั้งยังไม่ให้สิทธิผู้มีเงินได้ที่เคยเป็นผู้ที่กู้ร่วมและใช้สิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ที่จะได้รับประโยชน์นั้นหดแคบลง สำหรับแนวโน้มปี 2555 คาดว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอาจลดลงร้อยละ 3.8 ถึงเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เทียบกับกรณีไม่มีมาตรการนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในปี 2555 อาจหดตัวร้อยละ 0.6-6.0 จากปี 2554
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น