ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจก่อสร้าง จากแรงกระตุ้นของโครงการภาครัฐสืบเนื่องจากอุทกภัยในปีที่ผ่านมา น่าจะหนุนภาพของธุรกิจก่อสร้างในระยะข้างหน้าต่อไปได้ ขณะที่ปริมาณการก่อสร้างของภาคเอกชนแม้จะยังไม่วิ่งแรงเท่าในช่วงปี 2553-2554 แต่ก็สามารถพยุงตัวไปได้ถึงปลายปี 2555 ด้วยแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าจะกระจายความเสี่ยงไปยังโครงการพาณิชยกรรมและอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะที่โอกาสรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯยังมีได้บ้างจากความต้องการบ้านหลังที่สอง(สืบเนื่องจากอุทกภัย) ของผู้มีรายได้ระดับกลางถึงสูง และผู้ประกอบธุรกิจบางกลุ่มอาจมุ่งรับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งทิศทางดังกล่าวคงจะหนุนให้มูลค่าตลาดธุรกิจก่อสร้างปี 2555 ยืนอยู่ได้ที่กรอบ 923,000-934,000 ล้านบาท หรือเติบโตที่ร้อยละ 12.2-13.5 จากปี 2554
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรละเลยปัจจัยท้าทายต่อธุรกิจก่อสร้างจากต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นรอบด้านทั้งจากค่าจ้างแรงงานและจากปัจจัยการผลิตอื่นๆ ที่จะต้องอาศัยความสามารถของผู้ประกอบกิจการในการปรับตัวและบริหารจัดการสภาพคล่องของธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพมากกว่าเดิม นอกเหนือไปจากนั้น ยังคงต้องเฝ้าจับตามองการจัดซื้อจัดจ้างโครงการภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูซ่อมแซมโครงสร้างสืบเนื่องจากอุทกภัยที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจก่อสร้างในปีนี้ เนื่องด้วยธรรมชาติของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ต้องผ่านกระบวนการการพิจารณาหลายขั้นตอนและใช้เวลา ซึ่งหากเกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการ ประกอบกับปัจจัยเกี่ยวกับฤดูกาลที่หน้าฝนมาเร็วกว่าปกติ ภาพของธุรกิจก่อสร้างในช่วงหลังของปี 2555 ก็อาจจะพลิกผันได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากไม่รวมโครงการที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมแล้ว ภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างในปี 2555 นี้อาจหดตัวจากปีก่อนประมาณร้อยละ 0.5 ถึงร้อยละ 3.1 หรือมีมูลค่าประมาณ 787,000-819,000 ล้านบาท
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น