ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การเปิดเสรี AEC นับเป็นโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกไทย ซึ่งโอกาสหนึ่งที่น่าจะเห็นได้ชัดคือ การได้ประโยชน์จากการขยายตัวของตลาดในประเทศที่กว้างขึ้น ซึ่งคาดว่ากำลังซื้อของประชากร รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะอาเซียนน่าจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกให้ขยายตัวตามไปด้วย ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวอาเซียนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีการใช้จ่ายเพื่อการซื้อสินค้าและของที่ระลึก (Shopping) คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 37,500 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 (YoY) สำหรับในปี 2555 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การใช้จ่ายเพื่อการ Shopping ของนักท่องเที่ยวอาเซียนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 42,000 ล้านบาท หรือขยายตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 12 (YoY)
ขณะเดียวกันสัญญาณการรุกเข้ามาลงทุนทำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติก็มีแนวโน้มให้เห็นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทุนใหญ่จากมาเลเซีย สิงคโปร์ จีนและญี่ปุ่น เนื่องจากไทยถือเป็นตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงและขยายตัวต่อเนื่อง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ หรือคอนวีเนี่ยนสโตร์ ก็น่าจะทำให้ผู้ประกอบการไทยยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันบางราย ยังมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนทำธุรกิจค้าปลีกในอาเซียนที่มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 3.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 เท่าของตลาดค้าปลีกไทย โดยประเทศที่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูงและเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย ได้แก่ เวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจในการขยายการลงทุน แม้ว่าผู้ประกอบการอาจจะต้องเผชิญกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่นับเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน อาทิ โครงสร้างของระบบธุรกิจค้าปลีก พฤติกรรมของผู้บริโภค หรือแม้แต่อุปสรรคในเรื่องของกฎระเบียบหรือข้อจำกัดในการลงทุน แต่หากผู้ประกอบการไทยมีการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎระเบียบหรือข้อจำกัดต่างๆ รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจให้เข้ากับลักษณะพฤติกรรมของผู้บริโภคอาเซียนให้มากที่สุด การเปิดเสรี AEC ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกของไทยที่สนใจจะรุกตลาดอาเซียนเช่นกัน ซึ่งการสร้างพันธมิตรทางการค้ากับผู้ประกอบการในท้องถิ่นนั้นๆน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น