ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจงบประมาณในการช็อปปิ้งของคนกรุงเทพฯ ในปีนี้ พบว่า คนกรุงเทพฯ (คนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ รวมถึงคนต่างจังหวัดที่พำนักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ) กว่าร้อยละ 50 วางแผนที่จะใช้จ่ายในกิจกรรมการช็อปปิ้ง (Shopping) เพิ่มขึ้น โดยมีเหตุผลสำคัญมาจาก ราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการวางแผนที่จะช็อปปิ้งสินค้าและบริการมากขึ้น ดังนั้น จากสัญญาณดังกล่าว นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการค้าปลีกควรเร่งอัดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบเดิมไม่ว่าจะเป็น ลดราคาสินค้า การจัดอีเวนท์ต่างๆ และการเป็นพันธมิตรร่วมกับบัตรเครดิต ยังคงเป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีความสำคัญและน่าจะจูงใจผู้บริโภคที่ตั้งใจจะซื้อสินค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการค้าปลีกจะต้องตระหนักว่า ยังมีกลุ่มผู้บริโภคอีกจำนวนหนึ่งที่อาจจะยังยังไม่ตัดสินใจซื้อสินค้า เพียงแค่มาเดินดูสินค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ให้มีความหลากหลายและโดดเด่นมากขึ้น เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว ได้แก่ การเพิ่มสิทธิพิเศษให้กับผู้บริโภคที่มีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาทิ การสะสมแต้มพิเศษ 2 เท่า การผ่อนชำระได้นานขึ้น รวมถึงการจัดสถานที่ให้ได้บรรยากาศของเทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าและของฝาก (Shopping) ของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 น่าจะสร้างยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สะพัดไปยังธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ในกรุงเทพฯ ประมาณ 5,000 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 70) และสะพัดไปยังธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ต่างจังหวัด ประมาณ 2,000 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 30) โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีโอกาสเติบโตสูง และน่าจะมีความคึกคักมากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกในกลุ่มห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ และร้านจำหน่ายของฝาก
|
|
 |
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น