แม้ว่าเวียดนามจะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ และการขาดดุลทางการค้า แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า เวียดนามยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เน้นจับตลาดผู้บริโภคในประเทศ อย่าง “ธุรกิจค้าปลีก” ที่นับว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโตสูง ด้วยปัจจัยหนุนทางด้านตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรกว่า 90 ล้านคน การขยายตัวของความเป็นเมืองก็กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น อีกทั้งรายได้ของคนเวียดนามที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อเนื่องถึงพฤติกรรมการใช้จ่าย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบสังคมเมืองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความโดดเด่นของตลาดค้าปลีกเวียดนามนำมาซึ่งการเผชิญกับความท้าทาย โดยเฉพาะการแข่งขันกับธุรกิจค้าปลีกต่างชาติ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่ได้เข้าไปจัดตั้งธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามแล้ว และมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกฎระเบียบหรือข้อจำกัดในการลงทุน ดังนั้น การสร้าง “พันธมิตร” กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าไปลงทุน
สำหรับรูปแบบการเข้าไปลงทุนธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในระยะเริ่มต้นผู้ประกอบการอาจจะศึกษาและทดลองตลาดโดยใช้รูปแบบการจัดตั้งร้านค้าปลีกในลักษณะ สเปเชียลตี้สโตร์ (Specialty Store) อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า และวัสดุก่อสร้าง หรือร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ซึ่งใช้ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่นัก อีกทั้งยังเหมาะสมกับกำลังซื้อในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนที่มีรายได้ปานกลางได้ดี โดยผู้ประกอบการอาจจะต้องเลือกเจาะตลาดในบางพื้นที่ที่มีศักยภาพ อาทิ โฮจิมินห์ ฮานอย ด่องไน บินห์เยือง ดานัง ไฮฟอง และเกิ่นเทอ หลังจากนั้นในระยะยาว เมื่อเรียนรู้และเข้าใจสภาพตลาดของเวียดนามได้เป็นอย่างดีแล้ว ประกอบกับแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักของคนเวียดนามมากขึ้น ก็อาจจะปรับรูปแบบไปสู่ร้านค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ แต่ถึงกระนั้น ผู้ประกอบการก็อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในเรื่องของกฎระเบียบการทำธุรกิจ การเข้ามาของคู่แข่ง ประกอบกับการเรียนรู้พฤติกรรมของคนเวียดนามอยู่เสมอ เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น