ภาพรวมกิจกรรมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในโครงการต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งโครงการขนาดใหญ่และโครงการขนาดย่อย เช่น โครงการถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ และการซ่อมแซมโครงข่ายถนนทางหลวงในเส้นทางสายหลักและสายรอง นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการปรับปรุง/ซ่อมแซมอาคารของหน่วยงานราชการทั่วประเทศ และถนนทางหลวงสายต่างๆ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2557-2558 วงเงินรวม 23,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีเงินคงเหลือสำหรับใช้ลงทุนภายในปี 2558 ประมาณ 22,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเบิกจ่ายวงเงินที่เหลือภายในครึ่งแรกของปี 2558
และเมื่อจับสัญญาณทิศทางการลงทุนในการก่อสร้างของภาครัฐในช่วงครึ่งปีแรกจากการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐ พบว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 มีการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย แต่หากพิจารณาเฉพาะยอดเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2558 พบว่ายอดเบิกจ่ายทยอยปรับตัวดีขึ้น แม้ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบางรายการอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการทบทวนราคาค่าก่อสร้างใหม่ ส่งผลให้การเบิกจ่ายล่าช้า
และจากที่ขั้นตอนการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนมีกระบวนการพิจารณาหลายลำดับขั้นตอน จึงอาจส่งผลให้กิจกรรมการก่อสร้างในโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกถูกเลื่อนการเบิกจ่ายงบลงทุนไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2558
แต่อย่างไรก็ดี ภาครัฐก็มีความพยายามที่จะเร่งผลักดันลงทุนในโครงการใหม่ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ.2558 วงเงิน 55,878.4 ล้านบาท ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าการลงทุนในการก่อสร้างของภาครัฐในครึ่งแรกของปี 2558 มีแนวโน้มเติบโตร้อยละ 4.0 – 6.5 (Y-o-Y) หรือมีมูลค่า 210,100 – 215,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปี 2557
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น