Display mode (Doesn't show in master page preview)

20 กันยายน 2559

พลังงาน

จับตาราคาน้ำมันดิบ หลังการประชุมโอเปก-นอกโอเปกและนัยต่อธุรกิจพลังงาน (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 2774)

คะแนนเฉลี่ย
การนัดประชุมนอกรอบระหว่างกลุ่มโอเปกกับประเทศนอกกลุ่มโอเปกที่จะจัดในวันที่ 26-28 ก.ย. 59 ณ ประเทศอัลจีเรียนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การประชุมในรอบนี้ น่าจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการตรึงกำลังการผลิต ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ยประมาณ 45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 38.4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล) และในปี 2560 น่าจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับเฉลี่ยประมาณ 48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยได้แรงสนับสนุนจากความต้องการน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในระยะข้างหน้า ยังต้องจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบียและไนจีเรีย สถานการณ์การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาว่าจะมีพัฒนาการไปในทิศทางใด รวมถึงสถานการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจาก Shale Oil ที่หากสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีก ก็อาจทำให้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นได้ จนเป็นปัจจัยมากดดันราคาน้ำมันดิบโลก นอกจากนี้ ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เช่น แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การเพิ่มดอกเบี้ยของ Fed ที่อาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
ในด้านผลกระทบต่อธุรกิจพลังงาน ด้วยราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะมีผลต่อภาคธุรกิจพลังงานทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่จะได้ประโยชน์จากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และอาจเป็นจังหวะที่น่าพิจารณาการลงทุน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่อาจจะได้กำไรจากสต็อกน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีที่อาจเผชิญความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่แม้อาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่คาดว่าจะเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปน่าจะยังเติบโตอยู่

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


พลังงาน