Display mode (Doesn't show in master page preview)

29 กันยายน 2559

พลังงาน

ลดการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC บทสรุปที่เหนือคาด (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 2781)

คะแนนเฉลี่ย
​ผลการประชุมของกลุ่มโอเปกในวันที่ 26-28 .. 59 ที่สามารถตกลงกันในการลดกำลังการผลิตไปที่ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ถ้าการประชุมของกลุ่มโอเปกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือน พ.. ที่จะถึงนี้ สามารถบรรลุผลสำเร็จในการกำหนดเพดานการผลิตของแต่ละประเทศ และการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกลดลงไปที่ระดับ 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็อาจจะไม่มีผลต่อมุมมองราคาน้ำมันดิบดูไบที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ระดับเฉลี่ย 48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2560 แต่ถ้ากลุ่มโอเปกสามารถบรรลุผลสำเร็จในการลดการผลิตน้ำมันไปสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ ราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะสามารถขึ้นไปยืนอยู่ได้ที่ระดับเฉลี่ย 50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาอุปทานที่อาจเพิ่มขึ้นจากการกลับเข้ามาของ Shale Oil ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันได้

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการกำหนดเพดานการผลิตของกลุ่มโอเปกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิหร่านที่ยังมุ่งเป้าที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันไปให้ถึงระดับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับก่อนถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร เวเนซุเอลาที่ประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จึงยากที่จะให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิต รวมถึงกรณีของลิเบียและไนจีเรียที่ยังมีปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ ซึ่งจากแนวโน้มของสถานการณ์ความไม่สงบที่เริ่มคลี่คลาย ก็อาจทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบไหลเข้าสู่ตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จนเป็นปัญหาในการคุมเพดานการผลิตของกลุ่มโอเปกได้ ขณะที่ประเทศหลักที่อาจต้องลดการผลิตให้สอดรับกับเพดานที่กำหนด น่าจะเป็นซาอุดีอาระเบียและอิรักหรือไม่ สำหรับผู้ผลิตน้ำมันนอกนอกกลุ่มโอเปก โดยเฉพาะรัสเซีย ก็ยังต้องติดตามด้วยว่า ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตจะออกมาในทิศทางใด

สำหรับผลกระทบต่อไทยจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นนั้น จะทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของค่าโดยสารที่อาจมีการปรับขึ้น กระทบต่อภาคธุรกิจขนส่ง ซึ่งจะมีต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องติดตามและเตรียมแผนรับมือ



ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


พลังงาน