การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนต.ค. 2561 พลิกกลับมาขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า 21,757.9 ล้านดอลลาร์ฯ สูงกว่า Consensus ที่ร้อยละ 4.5 หลังจากที่ในเดือนก.ย. การส่งออกสินค้าไทยหดตัวร้อยละ 5.2 YoY โดยการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีในเดือนต.ค. 2561 เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- การส่งออกทองคำกลับมาขยายตัวสูง หลังราคาทองคำโลกในเดือนต.ค. 2561 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น
- อานิสงส์จากการเร่งส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นตามคำสั่งซื้อในช่วงก่อนหน้า หลังการขนส่งสินค้าทางเรือหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากบางพื้นที่ในญี่ปุ่นประสบวาตภัย (พายุไต้ฝุ่น) ในช่วงเดือนก.ย. 2561
- การส่งออกน้ำตาลที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 77.8 YoY โดยเฉพาะการส่งออกน้ำตาลไปฟิลิปปินส์ที่ในเดือนต.ค. 2561 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 2,639.1 YoY
- ผู้ประกอบการจีนเร่งนำเข้าสินค้าที่ไทยเป็นสายโซ่อุปทานการผลิตของจีนอีกระลอก เพื่อเร่งผลิตและส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในช่วงเดือนม.ค. 2562
- การส่งออกสินค้าไทยในช่วง 10 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการขยายตัวดีขึ้นของการส่งออกสินค้าในหมวดรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเลียม ซึ่งส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากระดับราคาน้ำมันดิบโลกที่ในปี 2561 อยู่สูงกว่าปี 2560 ประกอบกับได้รับผลบวกจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากไทยของจีนเพื่อเร่งผลิตและส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้า ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า โดยปกติแล้ว มูลค่าการส่งออกไทยในเดือนต.ค. และเดือนพ.ย. จะอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกสินค้าสำหรับเทศกาลปลายปี ทั้งเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) รวมไปถึงคริสต์มาส และปีใหม่ ดังนั้น มูลค่าส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2561 น่าจะทำได้เฉลี่ยเดือนละใกล้เคียงกับตัวเลขในเดือนต.ค. ที่ 21,735 ล้านดอลลาร์ฯ หรือในกรณีที่ดีอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งก็จะทำให้มูลค่าส่งออกไทยทั้งปี 2561 อาจจะเติบโตได้ใกล้เคียงร้อยละ 8.0
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น