กล่าวโดยสรุปการดำเนินธุรกิจในกลุ่มก่อสร้างและตกแต่งบ้านในจีนอาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดทั้งในด้านการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ปัญหาการลอกเลียนแบบและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ปัญหาช่องว่างระหว่างประชากรในเขตเมืองและชนบท รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อ ดังนั้น ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีเป้าหมายเข้าไปดำเนินกิจการในจีนจึงไม่ควรมองข้ามปัจจัยลบจากความท้าทายดังกล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความเสี่ยงในการทำธุรกิจนั้น ยังอาจมีโอกาสในการเข้าไปทำตลาดในธุรกิจก่อสร้างและของตกแต่งบ้านในจีนซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความต้องการภายในของตลาดจีน โดยธุรกิจที่มีแววประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้คือ การจำหน่ายสินค้าของตกแต่งภายใน และ ธุรกิจก่อสร้างและบริการออกแบบตกแต่งภายในของไทย
ทั้งนี้สมาคมเพื่อการก่อสร้างและตกแต่งแห่งชาติจีน ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2553 อุตสาหกรรมก่อสร้างและตกแต่งในจีนจะมีมูลค่าสูงถึง 2,000 พันล้านหยวน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจการค้าผลิตภัณฑ์เพื่อบ้านและที่อยู่อาศัยของไทยที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าไปดำเนินกิจการในตลาดจีน ทั้งนี้อาจเป็นการยากลำบากที่จะพิชิตความสำเร็จในธุรกิจก่อสร้างและตกแต่งบ้านในตลาดจีนหากขาดกุญแจสู่ความสำเร็จที่สำคัญดังนี้:
Ø สร้างความสัมพันธ์อันดีกับภาครัฐบาลจีนเพื่อความสำเร็จในการขยายธุรกิจระยะยาวในจีนรวมถึงการพัฒนาและสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้าเสมอ
Ø ศึกษาและทำการวิจัยพื้นที่ประกอบธุรกิจอย่างรอบคอบก่อนการลงทุนในจีนและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อลักษณะตลาดที่กระจายตัวในจีน (Fragmented Market) เพื่อดัดแปลง กลยุทธ์ทางการตลาดและผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการ พฤติกรรม รสนิยมและความพึงพอใจของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคของจีนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
Ø จัดเตรียมแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสมกับสินค้าและบริการ รวมถึง กลยุทธ์ธุรกิจ ( Business Strategy)
Ø สร้างการรับรู้ของแบรนด์ต่อลูกค้าและพัฒนา Corporate Social Responsibility (CSR) เนื่องจากประโยชน์ที่ชุมชนและสังคมท้องถิ่นได้รับมีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต
Ø ศึกษาและจัดหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมและน่าเชื่อถือได้เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการลอกเลียนแบบของสินค้าเพราะสินค้าที่ประสบความสำเร็จนั้นนำมาสู่การลอกเลียนแบบและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเสมอ ดังนั้นผู้ประกอบการควรนำแนวคิดด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่องและควรดำเนินการจดทะเบียนตราสินค้าและสิทธิบัตรก่อนการเข้าไปประกอบธุรกิจในตลาดจีนทุกครั้ง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น