กล่าวโดยสรุป ไต้หวันกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง หลังจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจดิ่งลงอย่างหนักจนอยู่ในแดนลบติดต่อกันในช่วงสองไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 โดยในช่วงไตรมาสสี่ของปี 2551 การเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวันหดตัวร้อยละ 8.4 จากร้อยละ 2.1 ในไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากภาวะซบเซาอย่างหนักของภาคส่งออก เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าจากตลาดส่งออกหลักอย่าง จีน สหรัฐ ฯ และ สหภาพยุโรป ลดลงอย่างมาก โดยในเดือนมีนาคม การส่งออกของไต้หวัน ทรุดตัวลงร้อยละ 35.7 (yoy) ต่อเนื่องจากเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ลดลงร้อยละ 44.1 และร้อยละ 28.6 ตามลำดับ
ขณะที่การนำเข้าในเดือนมีนาคม ลดลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยมีอัตราติดลบเกือบร้อยละ 50 (yoy) จากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจดังกล่าว ส่งผลให้ธนาคารกลางไต้หวันต้องประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ 1.25 ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อีกทั้งยังส่งผลให้รัฐบาลไต้หวันออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการทุ่มงบประมาณมูลค่ากว่า 858 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (25.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจโลกและเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทและผู้ประกอบการของไต้หวัน
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยและภาคส่งออกที่ซบเซาอย่างรุนแรงของไต้หวันเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทย-ไต้หวัน โดยสินค้าส่งออกและนำเข้าสำคัญ 10 อันดับแรก ระหว่างไทย-ไต้หวันขยายตัวติดลบทั้งหมด โดยเฉพาะสินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากความต้องการในตลาดส่งออกหลักชะลอตัวรุนแรงไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ ฯ จีน และสหภาพยุโรป
ส่วนแนวโน้มการค้าไทย-ไต้หวันในปี 2552 นั้น คาดว่า น่าจะทรุดตัวต่อเนื่องจากปี 2551 ท่ามกลางภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วง 2 ไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกอย่าง สหรัฐ ฯ จีน ญี่ปุ่น และ สหภาพยุโรป ส่งสัญญาณเห็นผลซึ่งคาดว่า น่าจะอยู่ในช่วงปลายปีนี้ก็น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไต้หวันกลับปรับตัวดีขึ้น ก่อนเริ่มฟื้นตัวอย่างมั่งคงในปี 2553 และอาจจะส่งผลให้ทิศทางการค้าระหว่างไทย-ไต้หวันปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น