ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 17-18 มีนาคม 2558 เฟดอาจจะมีการสื่อสารกับตลาดมากขึ้นถึงเส้นทางในการทยอยกลับเข้าสู่การดำเนินนโยบายการเงินแบบปกติ (Policy Normalization) แม้ว่าเฟดจะยังคงส่งสัญญาณไปยังตลาดการเงินว่าจะ ;อดทน (Patient)” ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเฟด 2 ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ด้วยพัฒนาการของตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเพิ่มโอกาสที่เฟดอาจนำข้อความนี้ออกไปในการประชุมเดือน มีนาคม 2558 นี้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินเตรียมพร้อมถึงการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายในระยะข้างหน้า รวมทั้ง ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี นอกจากการปรับเปลี่ยนการสื่อสารของเฟดแล้ว ยังต้องติดตาม การเปิดเผยมุมมองของเฟดที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะข้างหน้า ที่คงจะสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ปรับดีขึ้น แม้ภาพการขยายตัวของจีดีพี อาจจะปรับลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญคงจะอยู่ที่มุมมองต่ออัตราเงินเฟ้อว่าจะทยอยปรับเข้าสู่เป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2% ได้หรือไม่ อันจะเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ตัวแปรถึงจังหวะและขนาดของการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในอนาคต
สำหรับผลต่อประเทศไทยนั้น ท่าทีของเฟดที่ถูกคาดหมายว่าจะเริ่มส่งสัญญาณถึงการทยอยปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินให้เป็นปกติมากขึ้น คงไม่น่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. มากนัก เนื่องจากเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศของไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และภาพต่างประเทศยังไม่น่ากังวลหลังจากที่การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟดในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่สภาวะการเงินในตลาดการเงินโลกโดยรวมยังคงผ่อนคลายอยู่ อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางญี่ปุ่น ทำให้ กนง. คงให้น้ำหนักในการดำเนินนโยบายการเงินไปที่แรงส่งเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น