ในปัจจุบัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนับว่ามีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากไม่แพ้การค้าระหว่างประเทศ แต่ก็เป็นการลงทุนที่จำเป็นต้องใช้เงินทุนอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย หรือ AIIB (Asian Infrastructure Investment Bank) ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนตั้งแต่เมื่อปลายปี 2556 ภายใต้ความพยายามของจีนที่จะเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียเข้าด้วยกันผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ ระบบถนน ระบบราง ท่าเรือ ท่าอากาศยาน พลังงาน และโครงข่ายโทรคมนาคม ซึ่งการรับสมัครประเทศสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2558 โดยการที่จีนเป็นตัวตั้งตัวตีจัดตั้ง AIIB นับว่าสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของทางการในการเพิ่มบทบาทของจีนในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งช่วยผลักดันเงินหยวนไปสู่การเป็นเงินสกุลหลักของโลก ส่งผลให้จีนทุ่มเงินลงทุนถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นเงินทุนตั้งต้นของ AIIB และตั้งเป้าจะระดมเงินทุนตั้งต้นของ AIIB เพิ่มเติมให้ได้ถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯในระยะถัดไป
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเริ่มต้น AIIB อาจจะยังไม่มีบทบาทในเวทีโลกมากนัก เนื่องด้วยข้อจำกัดของขนาดเงินทุน และการขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน แต่นับจากนี้คงต้องติดตามพัฒนาการของ AIIB ในการดำเนินบทบาทหน้าที่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาอีกแห่งหนึ่งของโลก และผลกระทบของ AIIB ต่อธนาคารโลก และ ADB โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปัจจุบัน บทบาทของจีนในธนาคารโลกและ ADB ยังนับว่ามีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับขนาด และความสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน ส่งผลให้จีนยังมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอในการเล่นบทบาทผู้สนับสนุนหลักของ AIIB ซึ่งจะช่วยให้จีนมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น
ในส่วนของไทย การเข้าร่วม AIIB นอกจากจะช่วยส่งเสริมจุดยืนของไทยในภูมิภาคแล้ว ไทยยังได้ประโยชน์จากการให้ความช่วยเหลือของ AIIB เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศข้างเคียงไทยอย่างเมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนามที่จะทำให้ท้ายที่สุดไทยสามารถเชื่อมโยงไปสู่ประเทศอื่นๆในเอเชียได้ โดยเฉพาะจีน และอินเดียซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในอนาคต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น