ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 28-29 เมษายน 2558 เฟดยังไม่น่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยท่ามกลางพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอความร้อนแรงลง อาจส่งผลให้เฟดระมัดระวังในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินมากขึ้น ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนการประชุมเฟดในเดือน กันยายน 2558 อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากผลการประชุมเฟดในครั้งนี้ คงจะอยู่ที่การเปิดเผยเครื่องชี้ต้นทุนค่าจ้างแรงงาน (Employment Cost Index :ECI) ที่จะมีการรายงานในวันที่ 30 เมษายน 2558 อันเป็นเครื่องชี้ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของสภาวะตลาดแรงงาน นอกเหนือจากเครื่องชี้หลัก อันได้แก่ อัตราการว่างงาน และจำนวนการจ้างงานนอกภาคการเกษตร นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการสื่อความถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านบันทึกการประชุมเฟดว่าจะมีการส่งสัญญาณเพิ่มเติมถึงทิศทางในการดำเนินนโยบายการเงินที่ใกล้จะถึงจุดเปลี่ยนแปลงในการดำเนินนโยบายมากน้อยเพียงใด
สำหรับผลต่อไทยนั้น ท่าทีของเฟดที่คาดว่าจะยังคงความระมัดระวังต่อการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย น่าจะส่งผลให้สภาวะทางการเงินโดยรวมของตลาดการเงินโลกยังคงอยู่ในภาวะผ่อนคลาย อันจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ จีน และยูโรโซน นอกจากนี้ การชะลอจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คงช่วยให้ทางการไทยมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายการเงินมากขึ้น อันจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงินของไทย ให้สามารถเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามพัฒนาการของการเคลื่อนไหวของค่าเงิน โดยหากเฟดไม่เร่งรีบในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลให้มีกระแสเงินทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่อีกครั้ง ซึ่งด้วยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และมีระดับทุนสำรองที่สูง อาจยังหนุนค่าเงินบาท ซึ่งเป็นความท้าทายที่ทางการไทย รวมถึงผู้ที่อยู่ในธุรกิจส่งออกจะต้องหาวิธีรับมือเพื่อลดทอนผลกระทบล่วงหน้า
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น