ทางการจีนได้ประกาศร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 (2016-2020) ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าในการเพิ่มจีดีพี และรายได้ต่อหัวของประชาชนเป็น 2 เท่าในระยะเวลา 10 ปีนับจาก 2553-2563 ส่งผลให้ในอีก 5 ปีต่อจากนี้เศรษฐกิจจีนจะต้องมีการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 6.5 ต่อปีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ดังนั้น ในระยะสั้น 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่าน่าจะยังได้เห็นการใช้นโยบายการเงินและการคลังของทางการจีนเพื่อประคองเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ในแผนฯฉบับนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่
-
การยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว (One-Child Policy) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ผลของนโยบายนี้ต่อเศรษฐกิจจีนในระยะ 5 ปีข้างหน้าจะยังจำกัด เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ดี ในระยะยาว 10-20 ปีข้างหน้า ประชากรที่เพิ่มขึ้นน่าจะส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศโดยเฉพาะในภาคการศึกษาและที่อยู่อาศัย
-
การปฏิรูปสู่ ‘New Normal' ในแผนฯฉบับนี้ทางการจีนยังคงมุ่งเน้นที่การปฏิรูปภาคการเงินและรัฐวิสาหกิจ อาทิ การพัฒนาตลาดทุนเพื่อลดอุปสรรคการเข้าถึงเงินทุนของภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs การเพิ่มบทบาทของหยวนในตลาดการเงินโลก และการปรับปรุงการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
ยกระดับอำนาจทางเศรษฐกิจในเวทีโลกผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทางการจีนได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์การเพิ่มบทบาททางเศรษฐกิจของจีนในประชาคมโลก อาทิโครงการ One Belt, One Road ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการค้าการลงทุน และอำนาจทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคต
สำหรับนัยต่อไทย การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนตามแผนฯ นับเป็นโอกาสทางธุรกิจของไทย แต่ผู้ประกอบการไทยคงต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดและกลยุทธ์ในการเข้าตลาดให้สอดคล้องการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและพฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น