ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) รอบแรกปี 2559 ในวันที่ 26-27 มกราคม 2559 นั้น คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.25-0.50% หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปเมื่อการประชุม เดือนธันวาคม2558 ที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลัก ดังนี้ 1.ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดทุนโลกในช่วงต้นปี คงสนับสนุนให้เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจจริง และ 2. การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่งผลต่อมุมมองเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ให้มีโอกาสปรับลดลงต่ำกว่าที่เฟดเคยประเมินไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เฟดให้ความสำคัญ นอกเหนือจากข้อมูลของตลาดแรงงาน
สำหรับประเด็นที่คาดว่าจะเป็นจุดสนใจของตลาดการเงินของไทยนั้นในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า นอกเหนือจาก ประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งน่าจะมีผลกระทบเศรษฐกิจไทยค่อนข้างจำกัด และอยู่ในวิสัยที่ทางการไทยสามารถรับมือได้ แม้ว่าตลาดการเงินและตลาดทุนไทยอาจจะเผชิญกับความเสี่ยงด้านเงินทุนไหลออกบ้างก็ตาม ภายใต้สมมุติฐานที่คาดว่าเฟดไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจโลกอาจจะส่งผลให้เฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในจำนวนที่น้อยกว่าที่เฟดเคยส่งสัญญาณในอดีต ในระหว่างนี้ผลกระทบจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจถูกลดทอนลงจากในช่วงก่อนหน้า ด้วยการที่ตลาดให้น้ำหนักความสนใจไปที่ปัจจัยอื่นๆ โดยประเด็นสำคัญ คงได้แก่ พัฒนาการเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากประเทศจีนเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญของไทย และเป็นประเทศที่มีบทบาทอย่างมากในเอเชีย โดยหากพัฒนาการเศรษฐกิจจีนชะลอตัวเหนือการควบคุม ก็อาจจะกดดันให้ทางการจีนต้องดำเนินมาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เข้มงวดขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในภูมิภาค รวมถึงไทยให้เผชิญกับความผันผวนดังที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ในทางกลับกัน หากทางการจีนสามารถควบคุมการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ ก็น่าจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาครวมทั้ง เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น