ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50-0.75%
ในการประชุมรอบแรกของปี 2560 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างไรก็ดี เฟดน่าจะยังสื่อสารกับตลาดว่าวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังคงไม่สิ้นสุดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ เงินเฟ้อที่จะขยับตามราคาน้ำมัน พร้อมๆ กับสภาวะตลาดแรงงานที่ทยอยตึงตัวขึ้น
แม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ปัจจัยการเมืองที่สุ่มเสี่ยงมากขึ้น คงส่งผลให้เฟดลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ เพื่อเฝ้าจับตาดูการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ กลับมาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยเฉพาะนโยบายที่สนับสนุนการกีดกันการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร ตามอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในการยกเลิกข้อตกลง TPP
รวมทั้ง ความพยายามในการแก้ไขข้อตกลง NAFTA
ตลอดจน การกดดันให้บริษัทอเมริกันย้ายฐานการผลิตกลับเข้าสหรัฐฯ อาจจะเป็นปัจจัยที่กระทบต่อภาคเอกชนสหรัฐฯ ตลอดจน อาจส่งผลให้ต้นทุนราคาสินค้าสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้น อันอาจเป็นผลลบต่อภาคการบริโภคได้
สำหรับผลต่อไทยนั้น มองว่าปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศอาจสร้างความผันผวนในตลาดการเงินไทยเพิ่มขึ้น โดยแม้การส่งสัญญาณถึงการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงนี้ น่าจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านการชะลอแรงกดดันต่อการปรับขึ้นของต้นทุนการเงิน ขณะเดียวกันก็อาจจะส่งผลให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้ากลับมาบางส่วน
แต่คงต้องยอมรับว่า ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ข้างต้น อาจจะส่งผลให้ตลาดการเงินไทนผันผวนตามจังหวะของแต่ละเหตุการณ์ อันคงเป็นความท้าทายในช่วงต้นปีระกาที่ต้องรับมือแต่เนิ่นๆ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น