ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในการประชุมรอบหกของปี 2560 ในวันที่ 19-20 ก.ย. 2560 เฟดคงส่งสัญญาณในการเริ่มกระบวนการปรับลดขนาดงบดุล จำนวน 10 พันล้าน แบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 6 พันล้านดอลลาร์ฯ และ MBS จำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ฯ ตามลำดับ รวมทั้งเปิดเผยรายละเอียดของแนวทางปรับลดที่ชัดเจนในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. 2560 ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน คงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิมที่ระดับ 1.00-1.25% เพื่อรอประเมินทิศทางของเงินเฟ้อในช่วงข้างหน้า ทั้งนี้ ผลกระทบของการปรับลดงบดุลต่อตลาดการเงินโลกคงมีไม่มาก เนื่องจากขนาดของการปรับลดงบดุลในช่วงต้นยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากปริมาณการลดมีสัดส่วนที่เล็กเทียบกับมูลค่าการออกพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และ MBS ในปี 2016 ที่มีอยู่ที่ระดับ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ และ 2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม จุดสนใจของการประชุมในครั้งนี้คงอยู่ที่การส่งสัญญาณของเฟดถึงความเชื่อมั่นต่อภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการส่งสัญญาณถึงโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในปีนี้ อาจจะส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯ ทยอยกลับมาแข็งค่าในช่วงที่เหลือของปีได้ และอาจบ่งชี้ว่าเงินดอลลาร์ฯ อาจจะกำลังผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
อย่างไรก็ดี หากการส่งสัญญาณของเฟดขาดความชัดเจน หรือเฟดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อพัฒนาการเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ อาจสร้างแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ให้เกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกระยะ โดยในกรณีที่เฟดไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปี อาจส่งผลให้ตลาดการเงินมองว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปคงจะถูกลากยาวออกไปหลังจากไตรมาส 1/2561 เป็นอย่างน้อย เนื่องจากในเดือน กุมภาพันธ์ 2561 จะเป็นช่วงที่วาระการดำรงตำแหน่งของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารสหรัฐฯ หมดลง กอปรกับ จำนวนที่นั่งของคณะกรรมการบริหาร (Board of Governor) ที่ว่างถึง 4 ที่นั่ง หลังจากที่นายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ ได้ประกาศลาออก ทำให้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ชุดใหม่ของสหรัฐฯ อันคงเป็นประเด็นสำคัญอีกประเด็นที่ต้องจับตา
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น