ในการประชุม FOMC วันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. นี้
คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% อย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ปรับลดลงช้าและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง
เงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เดือนมี.ค. 2567 พลิกกลับมาเร่งตัวขึ้นที่ 3.5%
YoY นอกจากนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ เดือนมี.ค. 2567
ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 3.8% YoY สะท้อนว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ
มีแนวโน้มใช้เวลายาวนานขึ้นกว่าจะกลับเข้าสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2.0%
(รูปที่ 1) ขณะที่ ตลาดแรงงานสหรัฐฯ
แม้จะชะลอตัวลงและกลับเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น
แต่ยังคงสะท้อนภาพที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า
เฟดมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่เคยคาด (High for
longer) ตามตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานล่าสุดที่ยังออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง
ประกอบกับจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด วันที่ 16
เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา
ระบุว่าการปรับลดของเงินเฟ้อในปีนี้มีความคืบหน้าไม่มากพอ
และอาจต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้เฟดมั่นใจว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มมุ่งไปสู่เป้าหมาย
2.0% ก่อนที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ขณะที่
ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวในระดับสูง
ตลาดมองเฟดมีแนวโน้มเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายออกไปและอาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายน้อยกว่า
3 ครั้งในปีนี้ จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ณ วันที่ 23 เม.ย. 2567
ตลาดส่วนใหญ่มองว่าเฟดอาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. 2567
จากเดิมที่เคยมองไว้ในเดือนมิ.ย. 2567 และเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 2
ครั้งในปีนี้ น้อยกว่า 3
ครั้งที่เฟดเคยส่งสัญญาณไว้ผ่านคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot
Plot) ในการประชุมเดือนมี.ค. 2567 (รูปที่ 3) อย่างไรก็ดี
จังหวะและปริมาณการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดยังคงขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ออกมาเป็นสำคัญ
หากในระยะข้างหน้าเงินเฟ้อสหรัฐฯ
กลับมาเร่งตัวสูงขึ้นอีกและตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
โอกาสที่เฟดจะคงดอกเบี้ยทั้งปี 2567 จะมีมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น