ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เป้าหมายสำคัญของการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ก็คือ
การทำให้ลูกหนี้กลับเข้ามาอยู่ในระบบ ซึ่ง
“มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” ของธปท. ในช่วงก่อนหน้านี้
ก็มีการเตรียมหลักเกณฑ์ Risk-based pricing
สำหรับสินเชื่อไม่มีหลักประกันเพื่อช่วยดูแลกลุ่มลูกหนี้นอกระบบด้วยเช่นกัน
ขณะที่ประเด็นสำคัญของแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของภาครัฐ
จะอยู่ที่กระบวนการตรวจสอบสถานะของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้
รวมไปถึงการจูงใจให้เจ้าหนี้มาร่วมแก้ปัญหาให้กับลูกหนี้
สำหรับในระยะข้างหน้า
คงต้องติดตามการแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนส่วนที่อยู่ในระบบ
ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า
ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนจะขยับขึ้นไปที่กรอบ 16.4-16.5 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี
2566 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90-91% ต่อจีดีพี
ในการแถลงข่าวแนวทางการแก้หนี้นอกระบบ (28 พ.ย. 2566)
รัฐบาลได้มีการประกาศให้ "การแก้ไขหนี้นอกระบบ" เป็นวาระชาติ
โดยมีการประเมินว่า หนี้นอกระบบของไทยอาจมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
ซึ่งในการแก้หนี้นอกระบบนั้น
ภาครัฐจะมีการปรับกระบวนการทำงานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จัดทำฐานข้อมูลกลางและระบบที่สามารถติดตามผลได้
รวมถึงจะมีการใช้โครงการสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเข้ามาเสริมสภาพคล่องให้กับลูกหนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
มองว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นภาพสะท้อนของปมปัญหาที่ซับซ้อนทางด้านสังคม
คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของภาคครัวเรือน เพราะโดยทั่วไป
ลูกหนี้ที่มีการกู้ยืมจากแหล่งเงินนอกระบบนั้น
มักจะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า 15%
ที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654
และอาจต้องเผชิญกับปัญหาความรุนแรงจากการทวงหนี้ของเจ้าหนี้ ดังนั้น
หากมองจากมุมของลูกหนี้แล้ว
การกู้ยืมนอกระบบน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการหมุนสภาพคล่อง
หลังจากที่ลูกหนี้ได้พยายามใช้วิธีอื่นๆ มาแล้ว
เป้าหมายสำคัญของการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
ก็คือ การทำให้หนี้นอกระบบกลับเข้ามาอยู่ในระบบ
ซึ่งเมื่อสามารถช่วยประชาชนกลุ่มที่พึ่งพาหนี้นอกระบบให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ดีขึ้นแล้ว
ผลได้ที่ชัดเจนที่สุดที่ลูกหนี้จะได้รับ ก็น่าจะเป็น
ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงซึ่งก็จะทำให้ครัวเรือนปลดภาระหนี้ก้อนนั้นได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปทบทวน “มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน”
ของธปท. ที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้
ก็ได้มีการเตรียมหลักเกณฑ์เพื่อดูแลและช่วยในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มลูกหนี้นอกระบบด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ Risk-based pricing (RBP)
สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน
และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่จะเริ่มเปิดรับผู้สมัครเข้าร่วมทดสอบใน Sandbox
ในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การใช้หลักเกณฑ์ RBP
สำหรับสินเชื่อทั้ง 2 ประเภท
จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ปล่อยกู้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปตามความเสี่ยงของลูกหนี้
ซึ่งหากในอนาคตมีผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบออกจาก Sandbox
ได้มากขึ้น
ก็น่าจะช่วยเสริมโอกาสให้ลูกหนี้นอกระบบสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่
ประเด็นสำคัญของแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของภาครัฐ
จะอยู่ที่กระบวนการตรวจสอบและยืนยันสถานะของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้
รวมไปถึงการจูงใจให้เจ้าหนี้มาร่วมแก้ปัญหาให้กับลูกหนี้
โดยหากการติดตามเจ้าหนี้มีความล่าช้า
ก็อาจต้องมีการพิจารณาต่อว่าจะดำเนินการเพิ่มเติมอย่างไร
โดยเฉพาะในประเด็นการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อนำไปปิดหนี้นอกระบบ
แต่หากกระบวนการสามารถเดินหน้าต่อได้ก็จะทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนในระบบปรับเพิ่มขึ้นตามยอดการปล่อยสินเชื่อในส่วนดังกล่าว
นอกจากนี้
การแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือนให้ได้อย่างยั่งยืนคงต้องย้อนกลับไปดูแลปัญหาที่ต้นตอในระดับครัวเรือน
โดยเฉพาะในด้านรายได้ ความรู้และวินัยทางการเงิน
รวมถึงคงต้องดำเนินการเพิ่มเติมในอีกหลายๆ ส่วน
โดยเฉพาะหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระบบ
ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า
ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนอาจขยับขึ้นไปที่กรอบ 16.4-16.5 ล้านล้านบาท ณ
สิ้นปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90-91% ต่อจีดีพี เทียบกับระดับ ณ สิ้นปี
2565 ซึ่งอยู่ที่ 15.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 91.4% ต่อจีดีพี
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น