ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจพฤติกรรมผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่กำลังศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 จำนวน 400 คน ครอบคลุมสาขาอาชีพหลัก และระดับรายได้ ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 36 ไม่กังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 ในขณะที่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 64 มีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงภาระหนี้สิน เพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 นี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังไม่ปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลาน โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คงที่ เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว ยกเว้นค่าชุดนักเรียน ที่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายลดลง และค่าเรียนเสริมทักษะ เช่น ภาษาต่างประเทศ ดนตรี กีฬา คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ที่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 ผู้ปกครองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล น่าจะใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับบุตรหลานคิดเป็นเม็ดเงินสะพัด 27,500 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว โดยเป็นการขยายตัวที่ชะลอตัวลงจากในปีที่ผ่านมา เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สำคัญ อย่างค่าเทอม ยังไม่มีการปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงผู้ปกครองส่วนใหญ่ใช้จ่ายสินค้าด้านการศึกษา เช่น ชุดนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น อย่างระมัดระวัง โดยมองหาสินค้าที่มีราคาไม่แพง หรือซื้อในจำนวนที่ลดลง เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว อีกทั้งจำนวนนักเรียนในระบบการศึกษาในปีการศึกษา 2561 น่าจะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับในปีการศึกษา 2560
ทั้งนี้ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านการศึกษา ยังคงต้องให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการตรึงราคาสินค้า รวมถึงแนวโน้มที่ผู้ปกครองปรับลดค่าใช้จ่ายสินค้าด้านการศึกษา อีกทั้งยังมองหาสินค้าราคาไม่แพง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการในช่วงก่อนเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 เป็นไปอย่างรุนแรงขึ้น ในขณะที่ โรงเรียนกวดวิชาบางรายทยอยปิดสาขาบางสาขาลง ซึ่งแนวโน้มการเรียนกวดวิชาน่าจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปสู่การเรียนการสอนผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น e-Learning สื่อมัลติมีเดีย สื่อออนไลน์ เป็นต้น มากขึ้น ในส่วนของสถาบันเสริมทักษะต่างๆ ยังได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของบุตรหลาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการยังสามารถเร่งทำการตลาดเพื่อขยายฐานนักเรียนใหม่ๆ ได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น