Display mode (Doesn't show in master page preview)

3 ตุลาคม 2565

สถาบันการเงิน

หนี้ครัวเรือนชะลอลงมาที่ 88.2% ต่อจีดีพี ในไตรมาส 2/2565...ครัวเรือนชะลอการก่อหนี้ก้อนใหญ่ แต่ยังใช้สินเชื่อไม่มีหลักประกันเสริมสภาพคล่องระยะสั้น (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3349)

คะแนนเฉลี่ย

แม้ยอดคงค้างเงินกู้ยืมของครัวเรือนจะขยับขึ้นสู่ระดับ 14.76 ล้านล้านบาทในไตรมาส 2/2565 แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าเศรษฐกิจแล้ว สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ปรับตัวลงมาที่ระดับ 88.2% จากระดับ 89.2% ต่อจีดีพีในไตรมาส 1/2565 นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หนี้ครัวเรือนเติบโตเพียง 3.5% YoY ซึ่งต่ำสุดในรอบ 18 ปี  และชะลอลงเมื่อเทียบกับ 3.7% YoY ในไตรมาสแรกของปี 2565 ทั้งนี้ หากมองในเชิงโครงสร้าง หนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในรูปหนี้บ้านและหนี้เพื่อการประกอบอาชีพ (สัดส่วนรวมกันประมาณ 53% ของหนี้ครัวเรือนในภาพรวม)
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า หนี้รายย่อยก้อนใหญ่ หรือมีวงเงินกู้ต่อรายที่ค่อนข้างสูง เช่น หนี้บ้าน หนี้เพื่อประกอบอาชีพ และหนี้เช่าซื้อรถยนต์ ล้วนมีอัตราการเติบโตที่ช้าลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในด้านหนึ่งอาจสะท้อนว่า ครัวเรือนมีการเพิ่มความระมัดระวังในการก่อหนี้ก้อนใหญ่ก้อนใหม่ในช่วงที่เศรษฐกิจและรายได้ของครัวเรือนยังมีความไม่แน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจมองได้ว่า ครัวเรือนมีภาระหนี้เดิมอยู่ในระดับสูงและเริ่มมีข้อจำกัดในการก่อหนี้ใหม่ เพราะฐานะทางการเงินมีสัญญาณอ่อนแอลง และในทางกลับกัน ประชาชนรายย่อยและภาคครัวเรือนมีหนี้สินที่อยู่ในรูปบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน มากขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า มีครัวเรือนจำนวนมากกู้ยืมผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อดังกล่าวเพื่อเสริมสภาพคล่องและแก้ไขปัญหาการเงินในระยะสั้นที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย    
ผลสำรวจภาวะหนี้สินของภาคประชาชนของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ครัวเรือนเกือบทุกกลุ่มมีภาระหนี้สินอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน โดยค่าเฉลี่ย DSR ของครัวเรือนในผลสำรวจฯ อยู่ที่ระดับ 33.9% ซึ่งอาจมีนัยว่า ครัวเรือนบางส่วนกำลังเริ่มมีข้อจำกัดหรือต้องปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อให้สามารถก่อหนี้ก้อนใหญ่ก้อนใหม่ได้ โดยไม่เบียดบังในส่วนที่ควรเก็บสะสมเพื่อเป็นเงินออมในอนาคต
สำหรับแนวโน้มในปี 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับทบทวนตัวเลขประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ลงมาที่กรอบ 85.0-87.0% ชะลอลงเมื่อเทียบกับสัดส่วน 90.1% ต่อจีดีพีในปี 2564 เนื่องจากมูลค่าจีดีพี (Nominal GDP) เติบโตสูงตามภาวะเงินเฟ้อ ประกอบกับครัวเรือนหลายๆ ส่วนระมัดระวังการก่อหนี้ก้อนใหม่ ทั้งนี้ แม้ว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปี 2565 นี้อาจจะชะลอลง แต่ก็มีเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในหลายประเด็น อาทิ การที่ครัวเรือนหลายส่วนพึ่งพาสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงมาเสริมสภาพคล่องระยะสั้น และยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนในภาพรวมที่ยังคงทยอยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะสะท้อนข้อจำกัดในการบริโภคของภาคเอกชนแล้ว ยังสะท้อนถึงความเปราะบางของฐานะทางการเงินของประชาชนและครัวเรือนรายย่อยในยุคที่อัตราดอกเบี้ยของไทยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่จังหวะขาขึ้นด้วยเช่นกัน

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม