Display mode (Doesn't show in master page preview)

24 มกราคม 2566

สถาบันการเงิน

การประชุม กนง. นัดแรกของปี วันที่ 25 ม.ค. 66 คาด กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจากปีก่อนอีกร้อยละ 0.25 (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3988)

คะแนนเฉลี่ย

        ในการประชุมกนง. ที่จะถึงนี้ คาดว่ากนง. จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธปท. ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาด ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาเร่งสูงขึ้นที่ระดับ 5.89% YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนธ.ค. อยู่ในระดับใกล้เคียงกับในเดือนก่อนหน้าโดยอยู่ที่ระดับ 3.23% YoY สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ในด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลัง โดยการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศจีนที่ทยอยกลับมาเป็นปกติจะช่วยหนุนการส่งออกไทยแม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะยังคงกดดันการส่งออกไทยอยู่

        ในระยะข้างหน้า กนง. มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งที่ร้อยละ 0.25 ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 นี้ และอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ไปจนตลอดทั้งปี 2566 ท่ามกลางเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ปรับลดลงสู่กรอบเป้าหมายของธปท. ที่ 1-3% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียมหรือฟื้นตัวแบบรูปตัว K (K-shaped recovery) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดี ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับการส่งออกมีแนวโน้มที่จะยังคงเปราะบางเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันลดลงและมีทิศทางแข็งค่าโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยที่ออกมา รวมถึงทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเป็นสำคัญ โดยหากเงินเฟ้อไทยยังคงอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด และเฟดจำเป็นต้องยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวอย่างต่อเนื่อง คงส่งผลให้กนง. เผชิญแรงกดดันมากขึ้น และอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


สถาบันการเงิน