เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2562 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวิธีการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้" ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินมาตรการตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. จนถึง 30 พ.ย. 2562 โดยในปัจจุบัน มีผู้ลงทะเบียนสำเร็จบางส่วนได้เริ่มออกมาใช้สิทธิ์ตามจังหวัดปลายทางต่างๆ ที่ลงทะเบียนไว้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของครัวเรือนไทยที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้" เฟส 1 โดยผลสำรวจมีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- ครัวเรือนไทยเกิน 1 ใน 3 วางแผนที่จะใช้จ่ายมากกว่า 1,000 บาท จากการสำรวจ พบว่า แม้ครัวเรือนส่วนใหญ่ร้อยละ 54.7 วางแผนใช้จ่ายในงบ 1,000 บาทตามสิทธิ์ที่ได้รับจากมาตรการ แต่อีกร้อยละ 43.0 วางแผนที่จะใช้จ่ายมากกว่า 1,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่วางแผนจะใช้จ่ายเกิน 1,000 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ 3,300 บาทต่อคน
- ครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน จะมุ่งเน้นไปที่การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากห้างสรรพสินค้า และมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในงบ 1,000 บาทพอดี ในขณะที่ครัวเรือนผู้มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อเดือน จะมุ่งเน้นการใช้จ่ายไปกับการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้" และส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเกิน 1,000 บาท
- อย่างไรก็ดี มาตรการ “ชิมช้อปใช้" ยังมีข้อจำกัดในการได้รับสิทธิ์ โดยครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยเพียงร้อยละ 2.7 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสำเร็จ เนื่องจากครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยส่วนหนึ่งยังคงใช้โทรศัพท์มือถือที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน และอีกส่วนหนึ่งแม้จะใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แต่ไม่เปิดใช้บริการอินเทอร์เน็ต จึงทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ขาดโอกาสในการเข้าถึงสิทธิที่พึงได้รับจากประโยชน์ของมาตรการภาครัฐ
- แม้ครัวเรือนไทยส่วนมากร้อยละ 78.3 จะมองว่า มาตรการ “ชิมช้อปใช้" เฟส 1 จะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของตนเองได้ แต่ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังอยากให้รัฐบาลมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อมุ่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน โดยจากการสำรวจ พบว่า 1 ใน 3 ของครัวเรือนที่ทำการสำรวจอยากให้รัฐบาลช่วยลดภาระค่าครองชีพ โดยวิธีการปรับลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการช่วยพยุงค่าสาธารณูปโภค ค่าโดยสารสาธารณะ รวมไปถึงราคาพลังงานในประเทศ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น