สถานีบริการก๊าซปี’52 : เร่งปรับตัวเมื่อผู้ใช้รถยนต์ลดการใช้ และชะลอการติดตั้งระบบก๊าซ (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2495)

ในปี 2552 ธุรกิจสถานีบริการก๊าซต้องเผชิญกับสถานการณ์ตรงข้ามกับปี 2551 ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในปี 2552 เกิดความพลิกผันก็คือ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลดลงมาจากช่วงกลางปี 2551 ถึงเกือบหนึ่งเท่าตัว ประกอบกับจำนวนรถยนต์ที่จะหันไปติดตั้งระบบก๊าซก็ได้ลดจำนวนลงไปมากจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ทำให้แนวโน้มการใช้ก๊าซของรถยนต์ในปีนี้ คาดว่าจะลดลงจากปี 2551 ค่อนข้างมาก ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของสถานีบริการก๊าซที่จะมีแนวโน้มลดลง ขณะที่การแข่งขันแย่งชิงผู้เข้าใช้บริการระหว่างสถานีบริการก๊าซที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจก็มีความรุนแรงขึ้น

สถานการณ์การใช้ก๊าซของภาคขนส่งในปี 2552 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปี 2551 และภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มหดตัวจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการสถานีบริการก๊าซที่จะลดลง ซึ่งผู้ประกอบการควรเร่งปรับกลยุทธ์ให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตดังกล่าวไปให้ได้ โดยพยายามรักษากลุ่มผู้เคยใช้บริการให้ได้มากที่สุดทั้งการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อเข้าใช้บริการ หรือการแจกของแถม และการสะสมแต้มจากการเข้าใช้บริการเพื่อแลกรับรางวัล รวมไปถึงการให้บริการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือการลดราคาจำหน่ายให้ต่ำลงเล็กน้อย นอกจากนั้นการจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องภายในพื้นที่ของสถานีบริการ เช่น ให้บริการล้างรถ ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ การจำหน่ายอุปกรณ์ดูแลรถยนต์ เป็นต้น ถือเป็นการเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่นเพื่อทดแทนรายได้หลักจากการจำหน่ายก๊าซที่อาจลดลงได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในระยะยาวธุรกิจสถานีบริการก๊าซจะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหนึ่ง หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายภายในประเทศปรับขึ้นไปสูงมากกว่าลิตรละ 32 บาท หรือราคาก๊าซที่จำหน่ายภายในประเทศถูกกว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปหลัก(แก๊สโซฮอล์ 95 อี10 และดีเซล) มากกว่าลิตรละ 20 บาท