ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่มีต้นตอมาจากวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ ได้ส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์โลก โดยจากเดิมที่ตลาดเคยถูกกำหนดจากอุปทาน ในช่วงต่อไปทิศทางการเติบโตจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์เป็นหลัก โดยตัวเลขของอุปสงค์รวมซึ่งขึ้นอยู่กับกรอบนโยบายสนับสนุนของประเทศต่างๆ นั้นอาจมีการชะลอตัวลงในบางตลาด ประกอบกับการที่โครงการลงทุนเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากอาจประสบกับปัญหาในการจัดหาแหล่งเงินทุนในสภาพตลาดเงินตึงตัว
ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าปริมาณการติดตั้งใหม่ทั่วโลกในปีนี้อาจชะลอตัวลงมาอยู่ในช่วง 4,000-6,000 เมกะวัตต์เมื่อเทียบกับ 5,235 เมกะวัตต์และอัตราการเติบโตกว่า 1.3 เท่าในปีก่อนหน้า ซึ่งสำหรับอุตสาหกรรมไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกจึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยผลของการชะลอตัวของอุปสงค์และความสามารถในการผลิต (capacity) ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแรงกดดันให้ราคาของแผง/โซลาร์เซลล์และรายรับของธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง ทำให้อุตสาหกรรมไทยซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง-เล็กอาจประสบปัญหาด้านเงินทุนและสภาพคล่องในระยะสั้นได้ และอาจต้องพิจารณาหาผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจ หรือพิจารณาการควบคุมกิจการหรือหน่วยการผลิตระหว่างกันเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ในด้านการตลาด
แม้ว่าภาพรวมตลาดโลกจะชะลอตัว แต่ธุรกิจไทยน่าจะยังมีโอกาสในการขยายตลาดไปในหลายๆ ประเทศที่ได้มีหรือจะมีการรวมนโยบายสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์และ/หรือพลังงานทดแทนเข้าไว้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศในแถบเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
ทั้งนี้ ความท้าทายของอุตสาหกรรมแผง/โซลาร์เซลล์ของไทยในระยะยาวอยู่ที่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกโดยการทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ในด้านการผลิต ผู้ประกอบการควรที่จะปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้าอย่างต่อเนื่อง และในระยะยาว ควรที่จะมีการระบุกลุ่มเป้าหมายของสินค้า เช่น เพื่อการใช้งานในครัวเรือน หรือสำหรับไว้ติดตั้งในโรงงานผลิตพลังงาน เป็นต้น เพื่อที่จะสามารถพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการและเหมาะกับการใช้งานของกลุ่มเป้าหมาย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น