กระแสวิกฤตการณ์การเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ที่ตามมาด้วยการล้มละลายและความอ่อนแอของสถานภาพทางการเงินของสถาบันการเงิน และกองทุนต่างๆ ทั่วโลกนั้น ได้ส่งผ่านมาถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยจะเห็นได้จากเงินลงทุนโดยตรงสุทธิจากต่างประเทศในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 มีมูลค่ากว่า 7,037.96 ล้านบาท หดตัวลงถึงร้อยละ 49.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศในอสังหาริมทรัพย์ไทยนั้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ว่าเศรษฐกิจในต่างประเทศเริ่มมีสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวในหลายประเทศจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อนักลงทุนในการกลับเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยเฉพาะการเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการที่เป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ในอนาคต เนื่องจากในสายตาของนักลงทุนต่างชาติยังมองว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศในแถบเดียวกัน เช่น สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งจะสามารถให้ผลตอบแทนที่สูง และการที่ประเทศไทยสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่เป็นที่รู้จักในสายตาของนานาประเทศ จึงเป็นสิ่งจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติต้องการเข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อรองรับตลาดชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือต้องการเข้ามาพำนักในประเทศไทย
แต่อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง และยังคงต้องอาศัยระยะเวลาอีกยาวนานกว่าที่เศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวในระดับศักยภาพอีกครั้ง ทำให้กระแสความสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้อาจยังไม่ฟื้นตัวขึ้นได้รวดเร็วนัก สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติยังคงต้องขึ้นอยู่กับทิศทางการเมืองและบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า แนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศในอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2552 น่าจะลดลงร้อยละ 30-40 จากมูลค่า 45,240.46 ล้านบาท ในปี 2551 อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวในระดับศักยภาพอีกครั้ง และการเมืองไทยเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงมีศักยภาพที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในแถบเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนหรือชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทย อาทิเช่น ความพร้อมในด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย และระบบสาธารณูปโภคที่พร้อมที่จะรองรับการเจริญเติบโต การที่ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักในสายตาของนานาประเทศ และปัจจัยด้านราคาของที่อยู่อาศัยที่ยังสามารถแข่งขันได้ เป็นต้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น