แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่สองของรัฐบาล ที่น่าจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ มาตรการหักลดหย่อนภาษี ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้จะสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2552 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 คือ การแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยระหว่างสถาบันการเงิน
นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมา จะจูงใจให้ผู้บริโภคที่มีความพร้อมตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว การแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อระหว่างสถาบันการเงินที่รุนแรง ก็ยังมีผลต่อการตัดสินของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำพิเศษในการจูงใจลูกค้า ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และปัญหาการเมืองมีความสงบเรียบร้อย ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กลุ่มผู้บริโภคที่มีความพร้อมทางการเงิน และต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก็อาจจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงสุดท้ายของปีนี้
อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจไทยก็ยังคงมีความเสี่ยง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในประเทศไทย เสถียรภาพทางการเมือง ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง แนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาระรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภค และทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวยังอาจส่งผลกระทบต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลต่อทิศทางราคาที่อยู่อาศัยในระยะข้างหน้าได้ ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่ออำนาจการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค และยังเป็นการซ้ำเติมการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้
สำหรับจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2552 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2552 น่าจะมีจำนวนประมาณ 66,500 หน่วย ลดลงร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มีประมาณ 74,320 หน่วย โดยเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยประเภทโครงการบ้านจัดสรร เนื่องจากยังมีโครงการที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จที่รอขายอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้การเปิดโครงการใหม่ในระยะข้างหน้านับจากนี้น่าจะชะลอลง โดยเฉพาะการเปิดโครงการใหม่จากผู้ประกอบการขนาดเล็กที่น่าจะหดตัวลง นอกจากนี้ยังเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยประเภทปลูกสร้างเอง เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการสร้างที่อยู่อาศัยออกไป ในขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จน่าจะมีระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน หรือลดลงเล็กน้อย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น