ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การปรับราคาจำหน่ายก๊าซ LPG ภาคขนส่งอีก 0.62 บาท/กิโลกรัม จาก 21.38 บาท/กิโลกรัม มาเป็น 22.00 บาท/กิโลกรัม และปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV อีก 1 บาท/กิโลกรัม จาก 10.50 บาท/กิโลกรัม มาอยู่ที่ 11.50 บาท/กิโลกรัม (ยกเว้นสำหรับรถสาธารณะที่กำหนด ให้คงไว้ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม) ตามมติ กบง.ที่ให้มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ เพื่อให้ราคาก๊าซทั้งสองประเภทสะท้อนต้นทุนการจัดหามากขึ้น โดยประเมินเบื้องต้นว่า ภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถยนต์จะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 3-10 และมองว่า กระบวนการส่งผ่านภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่ง และก๊าซ NGV มาที่ค่าบริการโดยสารสาธารณะ ค่าขนส่ง ตลอดจนราคาสินค้าอุปโภคบริโภค น่าจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ราคาสินค้าในส่วนอื่นๆ ก็อาจจะยังขยับขึ้นไม่มาก เพราะยังอยู่ในช่วงให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการตรึงราคาสินค้า ดังนั้น การปรับโครงสร้างราคาก๊าซในรอบนี้ อาจมีผลกระทบโดยตรงต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปประมาณร้อยละ 0.01
สำหรับผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซสำหรับผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากราคาก๊าซที่ปรับขึ้นยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาน้ำมัน ประกอบกับรถยนต์ทั่วไปมีระยะทางที่ใช้วิ่งต่อวันไม่มากนัก ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จึงน่าจะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่นไม่มากนัก แต่สำหรับรถสาธารณะนอกขอบเขตที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งมีระยะทางการวิ่งต่อวันค่อนข้างสูง การปรับราคาก๊าซ LPG และก๊าซ NGV ในรอบนี้ มีผลต่อภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงกว่าผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป
ในระยะถัดไป การพิจารณาปรับเพิ่มราคาก๊าซทั้งสองประเภทเพิ่มเติม ในช่วงที่ประเด็นข้อสรุปของการปฏิรูปราคาพลังงานยังไม่ได้ข้อยุติ อาจเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแต่ละฝ่ายที่ต้องเร่งเดินหน้าหาข้อสรุปการกำหนดราคาก๊าซที่เป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาคประชาชนซึ่งจะเป็นผู้รับภาระต้นทุนในส่วนปลายของห่วงโซ่ธุรกิจทั้งหมด รวมไปถึงการคำนึงถึงความมั่นคงและยั่งยืนทางด้านพลังงานของไทย ภายใต้ปริมาณทรัพยากรก๊าซของไทยที่มีจำกัด และกำลังทยอยหมดลงในอนาคตซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น