ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวและกดดันการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ยอดขายของค้าปลีกปี 2563
น่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.7-3.0 เมื่อเทียบกับปี 2562
ที่น่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.1
โดยค้าปลีกที่เจาะกลุ่มลูกค้าฐานรากและกำลังซื้อปานกลางลงล่างอย่างร้านค้าปลีกดั้งเดิมและไฮเปอร์มาร์เก็ต
เป็น Segment ที่คาดว่าจะยังคงเผชิญข้อจำกัดของการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตและ E-Commerce ที่เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อปานกลางขึ้นบนยังคงมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าค้าปลีกใน
Segment อื่นๆ
ทั้งนี้
จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับสถานการณ์และมุมมองของผู้ประกอบการค้าปลีกในกรุงเทพฯและปริมณฑล
พบว่า กว่าร้อยละ 60.0 ของผู้ประกอบการค้าปลีก
มียอดขายที่แย่ลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ส่วนใหญ่ทำธุรกิจค้าปลีกสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง/น้ำมัน อุปโภคบริโภค
อาหารและเครื่องดื่ม) และในจำนวนดังกล่าวมีผู้ประกอบการค้าปลีกถึงร้อยละ 65.0
ที่ยังไม่มั่นใจกับผลประกอบการของตนเองว่าจะกลับมาฟื้นตัวหรือดีขึ้นเมื่อไร และที่เหลือราวร้อยละ
35.0 ส่วนใหญ่มองว่า ธุรกิจของตนเองน่าจะใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3
ปีที่ธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวหรือดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในระยะข้างหน้า
จากภาวะกำลังซื้อที่ยังชะลอตัว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าปลีกยังคงมีความจำเป็นต่อการกระตุ้นหรือจูงใจให้ผู้บริโภคออกมาใช้จ่าย
ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพในการให้บริการที่ดีสม่ำเสมอในยุคที่การแข่งขันของธุรกิจมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ การบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน การออกนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ
การดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยประคองการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น