การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้กระตุ้นให้ภาคธุรกิจต่างๆ ต้องหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้ภูมิทัศน์การดำเนินธุรกิจในตลาดดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจไทย (B2B) เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่มุ่งเน้นเพียงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างช่องทางการดำเนินธุรกิจใหม่ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ลูกค้าองค์กรธุรกิจของตน หันมาสู่การสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจในทุกด้านให้แก่องค์กรธุรกิจผ่านช่องทางดิจิทัล
นอกจากนี้ องค์กรธุรกิจต่างๆ ก็มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล จากเดิมที่มักจะลงทุนและเป็นเจ้าของระบบดิจิทัลเอง มาสู่การใช้งานผ่านระบบคลาวด์โซลูชั่นมากขึ้น ทำให้ตลาดดิจิทัล B2B สามารถขยายฐานตลาดสู่ผู้ประกอบการรายกลางและเล็กได้กว้างขวางขึ้น จากเดิมที่มักกระจุกตัวอยู่แต่องค์กรธุรกิจรายใหญ่ที่มีทุนทรัพย์ ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าหลังเศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัว ตลาดคลาวด์โซลูชั่นน่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการมีแนวโน้มหันมานำเสนอบริการใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจในการสร้างความแตกต่างมากขึ้น ผ่านการนำเสนอบริการที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครายบุคคลได้ ดังนั้น เพื่อตอบสนองโจทย์ที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผู้ให้บริการคลาวด์โซลูชั่นจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาโซลูชั่นสำหรับองค์กรธุรกิจอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคที่มีความคาดหวังเพิ่มมากขึ้นในอนาคตได้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 และ 2564 ตลาดบริการคลาวด์โซลูชั่นน่าจะขยายตัวราวร้อยละ 19.4 และ 8.2 ตามลำดับ โดยมีมูลค่าตลาดราว 15,718 ล้านบาท และ 17,003 ล้านบาท ตามลำดับ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น