ในการประชุม FOMC รอบแรกของปี วันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. นี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่ชะลอลงที่ร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% หลังเงินเฟ้อมีทิศทางอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 2565 ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยอยู่ที่ระดับ 6.5% YoY ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 2564 อย่างไรก็ดี แม้เงินเฟ้อจะอ่อนแรงลงแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ ขณะที่ ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนภาพที่แข็งแกร่งอยู่ ดังนั้น เฟดมีแนวโน้มที่จะยังคงต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสัญญาณการอ่อนแรงลงของเงินเฟ้อ เฟดคงพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่ชะลอลงที่ร้อยละ 0.25 ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้
เมื่อมองไปในระยะข้างหน้า เส้นทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟดคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรก มีแนวโน้มที่จะเห็นผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องในปีก่อนหน้าของเฟด และในภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้คาดว่าจะไม่เติบโต (GDP ขยายตัวราว 0%) ส่งผลให้เฟดอาจจำเป็นต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นในระยะข้างหน้า ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ แม้จะยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2.0% อย่างมาก แต่คาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะค่อยๆปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ท่ามกลางแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แม้มุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจจีนอาจจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ขยับขึ้นบ้าง แต่คาดว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์คงไม่กลับมาพุ่งสูงขึ้นดังเช่นในช่วงปี 2565 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดังนั้น ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมองว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียงแค่ 1 ครั้งในการประชุมเดือน มี.ค. 2566 ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ คงไปแตะระดับสูงสุดที่ราว 5.0% และเฟดอาจคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับนั้นตลอดปี 2566 อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงคาอยู่ในระดับสูงและไม่ปรับลดลงเท่าที่ควร ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ก็อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดยังคงจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องไปเกินกว่าระดับ 5.0%
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น