Display mode (Doesn't show in master page preview)

6 มกราคม 2563

เศรษฐกิจต่างประเทศ

นโยบายการเงินเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น...ท่ามกลางราคาน้ำมันพุ่งจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3842)

คะแนนเฉลี่ย
    • ​​สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านได้ยกระดับสูงขึ้น หลังการลอบสังหารนายพลกัสเซ็ม โซไลมานี ของอิหร่านในวันที่ 3 ม.ค. 2563 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดโลก ณ วันที่ 6 ม.ค. 2563 สูงขึ้น 7%  เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2562 โดยสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามและมีทีท่าว่าจะไม่ยุติลงง่ายๆ ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย ยังขึ้นอยู่กับระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และระยะเวลาที่ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง โดยการประเมินในเบื้องต้น หากราคาน้ำมันดิบดูไบยืนที่ระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 0.75% จากกรณีฐาน กล่าวคือ เงินเฟ้อทั่วไปจะขยับขึ้นมาเป็น 1.15%-1.65% ในขณะที่จะมีผลต่อ GDP ราว -0.08%
    • นอกจากปัจจัยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อแล้ว แรงกดดันต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจจะลดทอนลง ผ่านการลดลงของเกินดุลการค้าที่ลดลงจากการนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับการเผชิญสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ดังนั้น บทบาทหลักในการประคองภาวะเศรษฐกิจในจังหวะที่เผชิญโจทย์ท้าทายรอบด้านจะอยู่ที่การดำเนินนโยบายการคลังเป็นหลัก
    • อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วดังกล่าวคงมีน้ำหนักมากพอที่จะมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงไทยให้เผชิญข้อจำกัดมากขึ้น


ดูรายละเอียดฉบับเต็ม