ทางการสหรัฐฯ ใช้ 2 มาตรการที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน มารับมือกับปัญหาแบงก์ล้มในรอบนี้ ... โดยมาตรการแรก คือ มาตรการ Bank Term Funding Program หรือ BTFP เป็นมาตรการช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องให้กับแบงก์ และสถาบันรับฝากเงินอื่นๆ ที่ “ยังเปิดดำเนินการอยู่” มาตการนี้มีข้อดีตรงที่แบงก์สามารถกู้ยืมได้นานถึง 1 ปี และวงเงินกู้ที่ได้รับจะเท่ากับหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันซึ่งจะถูกประเมินที่ราคาพาร์ ไม่ใช่ราคาตลาด และ มาตรการที่สอง เป็นการให้การคุ้มครองผู้ฝากเงินในแบงก์ที่ปิดตัวลงแบบครอบคลุม ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลผู้ฝากเงินมากกว่าสถานการณ์ปกติ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ทั้ง 2 มาตรการไม่เรียกว่าเป็นการ Bailout แบงก์ที่ประสบปัญหา เพราะไม่ได้มีการอัดฉีดเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยพยุงกิจการ จึงไม่ได้เป็นภาระโดยตรงต่อประชาชนผู้เสียภาษี แต่ประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับมาตรการ BTFP ก็คือ แบงก์ที่ยังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและต้องรับมือกับการไหลออกของเงินฝากนั้น จะมีพันธบัตรคุณภาพสูงในปริมาณที่มากพอ ที่จะนำไปค้ำประกันการกู้เงินจากเฟด และนำมาจ่ายคืนเงินฝากที่ถูกไถ่ถอนได้เพียงพอหรือไม่ ขณะที่การช่วยเหลือผู้ฝากเงินแบบครอบคลุมก็จะเป็นภาระที่ตกอยู่กับแบงก์ที่ยังเปิดทำการอยู่ ซึ่งต้องมีหน้าที่นำส่งเงินเข้ากองทุนฯ ในภายหลัง
แม้มาตรการเงินกู้เสริมสภาพคล่อง BTFP จะช่วยเข้าประคองสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่แรงกดดันที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องในแบงก์สหรัฐฯ บางแห่ง ก็เป็นสัญญาณที่สะท้อนว่า ความเชื่อมั่นยังไม่สามารถฟื้นกลับมาได้ในระยะเวลาอันสั้น และเฟดกำลังถูกตลาดกดดันอีกครั้ง ให้ต้องนำเรื่องความปั่นป่วนจากปัญหาในภาคธนาคาร มาชั่งน้ำหนักพร้อมๆ กับการดูแลปัญหาเงินเฟ้อในการประเมินทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า เพราะไม่ว่าจะยังไง ความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นแล้วอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้เฟดจะต้องตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังและรอบคอบ เพราะหากผิดพลาดไป อาจเปิดความเสี่ยงและทำก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างกว่านี้ได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น